.
.

อ้วน แล้วยังไง…ตับก็ไม่ไหวเหมือนกัน

การบูลลี่เรื่องรูปลักษณ์ทำร้ายจิตใจคนถูกกระทำมานักต่อนัก แม้จะ อ้วน แบบไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ก็ใช่ว่าจะดี เพราะอาจมีผลโดยตรงกับตับ จนหลับไม่ลงกันเลยทีเดียว องค์การอนามัยโลกได้กำหนดว่าคนที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 25 จัดว่าเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวเกิน หรืออีกวิธีคือการหาเส้นรอบเอว ผู้ชายที่รอบเอวมากกว่า 36 นิ้ว และผู้หญิงที่รอบเอวมากกว่า 32 นิ้วก็จัดว่าเป็นคนอ้วนลงพุงได้ ซึ่งคนอ้วนมักจะมีความเสี่ยงเป็นโรคความดัน เบาหวาน และยังเสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับอีกด้วย

อ้วน

โดยประชากรไม่น้อยกว่า 20% มีภาวะไขมันพอกตับ แม้ว่าจะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ หรือที่เรียกว่า NAFLD (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease) และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งโรคไขมันพอกตับ หรือตับคั่งไขมันนี้แม้จะมีการดำเนินโรคที่ค่อยๆเปลี่ยนไปช้าๆแบบที่คุณไม่ทันได้ตะหงิดใจ แต่ก็มีโอกาสที่จะลุกลามและแปรสภาพกลายเป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้

โดยเมื่อร่างกายมีไขมันส่วนเกินทั้งจากการทานอาหารที่ตามใจปาก ทั้งของมันของทอดหรือจากการรับประทานยาบางตัว ไขมันเหล่านี้ก็จะไปสะสมอยู่ที่เซลล์ตับ ทำให้ตับเกิดอาการบาดเจ็บ ลักษณะของเซลล์ตับก็จะเปลี่ยนไป บางทีก็มีอาการอักเสบร่วมด้วย หากปล่อยให้ตับได้รับบาดเจ็บไปนานๆ เข้า ก็จะกลายเป็นพังผืด เซลล์ตับที่ปกติเคยอ่อนนุ่มก็ค่อยๆ กลายสภาพไปเป็นตับแข็ง หน้าที่สำคัญอย่างการกรองของเสียกำจัดสารพิษก็ทำได้ลดลง ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็ค่อยๆถดถอยลง จนส่งผลให้ร่างกายทั้งหมดทรุดโทรมไปด้วย

ไขมันพอกตับ หากเกิดในระยะเริ่มต้นยังสามารถซ่อมแซมตับให้กลับเป็นปกติได้ แต่หากปล่อยไว้นานก็ยิ่ง รักษาไขมันพอกตับ ได้ยากขึ้น การใส่ใจในเรื่องของน้ำหนักให้มากๆ ระมัดระวังในเรื่องของไขมันสะสมในร่างกายเป็นเรื่องที่ต้องทำควบคู่ไปกับการดูแลตับให้กลับมาแข็งแรงด้วย เฮฟฟีก้า อาหารเสริมคุณภาพระดับสากลที่ได้รับการรับรองจากผลวิจัยทางการแพทย์ว่าสารสกัดหลักจากพรูนัสมูเม่ ช่วยลดอาการอักเสบของตับและลดระดับเอนไซม์ในตับได้อย่างมีนัยสำคัญ รับประทานเพียงวันละ 1 เม็ด เพื่อสุขภาพตับดี

เราใช้คุกกี้เพื่อประสบการณ์และการให้บริการที่ดีที่สุดในการใช้งานเว็บไซต์แก่ท่าน หากดำเนินการต่อหรือปิดข้อความนี้ลง แสดงว่าท่านได้ยอมรับ