รักข้างเดียวพูดกี่ทีก็เจ็บ เหมือน ตับ ที่แอบรักคุณข้างเดียว ทำทุกอย่างให้คุณไม่เคยหยุดพัก ทั้งผลิต กักเก็บ ขับสารพิษ แบบไม่เคยบ่น เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริง แต่ตับ กลับเป็นอวัยวะที่ถูกละเลย ด้วยการที่เราหันไปเอาใจศัตรูของตับที่ชื่อว่า มะเร็ง ผ่านการกิน การดื่ม สารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เรียกได้ว่าไม่รักแล้วยังทำร้ายกันอีก ก่อนที่คุณจะ ทำร้ายตับ ไปมากกว่านี้ เฮฟฟีก้าอยากชวนให้คุณลองเช็คดูว่า 5 นิสัยแบบไหนที่ตับไม่ชอบ แต่มะเร็งรัก หากคุณเองก็ไม่อยากมอบความรักมะเร็งแล้วใส่ความทุกข์ไว้ที่ตับ จนต้องจบที่ มะเร็งตับ
5 นิสัยแบบไหนที่ตับไม่ชอบ แต่มะเร็งรัก
“ติดมัน” ถึงตับจะพังก็ไม่ติด
อาหารทอด ๆ มันๆ ไก่ทอดเอย หมูทอดเอยคือสิ่งโปรดปรานของคนไทยมาตั้งแต่เด็กจนโต เพราะไม่ว่ามื้อไหน ๆ ก็จะต้องมีอาหารประเภทนี้อยู่บนโต๊ะเสมอ จนกลายเป็น Pop Culture ของทุกบ้าน และด้วยความเคยชินเหล่านี้จึงทำให้อัตราของคนไทยป่วยเป็น ไขมันพอกตับ มีจำนวนสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณเกิดภาวะอ้วนลงพุง และเกิดสะสมของไขมันในเซลล์ตับ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับ สู่ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ผังพืดในตับ กลายเป็นภาวะตับแข็ง และอาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับในที่สุด หยุดเอาใจมะเร็งตับแล้วกลับมารักตับ อร่อยแต่พอดี
“ติดหวาน”จนลืมตับ
“น้ำตาลตก” ประโยคยอดฮิตที่เรามักใช้เป็นข้ออ้างในการเติมหวานด้วยสารพัดเมนู ทั้งน้ำอัดลม น้ำปั่น กาแฟ ชาโบราณต่างๆ หรือแม้กระทั้งชานมไข่มุกที่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูงถึงแก้วละ 18 ช้อนชา ในขณะที่ WHO แนะนำปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชา หากทานมากไปก็นำไปสู่อันตรายได้ง่าย ๆ ตับจะต้องทำงานเพิ่มขึ้น เมื่อน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดมากเกินไป ร่างกายจะส่งไปเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน (Glycogen) โดยจะเก็บไว้ได้เพียง 50 กรัม ส่วนที่เหลือ ตับจะส่งกลับไปที่กระแสเลือดแล้วเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน เกิดการสะสมอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว เช่น สะโพก หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน เมื่อสะสมบริเวณเหล้านั้นจนเต็มแล้ว จุดหมายปลายทางต่อไปก็จะไปสะสมเพิ่มพูนอยู่ตามอวัยวะภายในต่าง ๆ อื่นๆแทน เช่น หัวใจ ตับ ไต เป็นต้น และอวัยวะสุดฮอตที่มักถูกเลือกในลำดับถัดมาก็คือ ตับ จึงทำให้เกิดโรคไขมันพอกตับได้ง่ายๆ ยิ่งกินน้ำตาลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียงเป็นไขมันพอกตับมากเท่านั้น หวานแต่พอดี หยุดเอาใจมะเร็งตับแล้วกลับมารักตับ
“ติดปรุง” ปรุงรสหรือปรุงโรค
เปรี้ยวนิด เค็มหน่อย หวานอีกหน่อย ใส่พริกเพิ่ม พวงเครื่องปรุงโลหะสีเงินสี่หลุมที่เราคุ้นเคยที่ทำให้อาหารจานโปรดของคุณอร่อยไปอีกขั้นในแบบฉบับคุณเอง แต่เราคงลืมไปอาหารรสจัดที่เราชื่นชอบ กลับ ทำร้ายตับ แบบที่คุณไม่รู้ตัว ยิ่งทานรสจัดตับยิ่งต้องทำงานหนัก ร้านไหนไม่ถูกสุขลักษณะด้วยแล้ว พริกป่นอาจปนเปื้อนไปด้วยเชื้อราที่ผลิตสารอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) หากรับประทานเข้าไปจะก่อให้เกิดการสะสมของสารอะฟลาท็อกซินที่ตับ และอาจพัฒนาจากตับปกติไปสู่การเป็นมะเร็งตับในที่สุด ก่อนปรุงเช็คสักนิดว่าคุณกำลังปรุงรส หรือปรุงโรคอยู่กันแน่ ปรุงแต่พอดีหยุดเอาใจมะเร็งตับแล้วกลับมารักตับ
“ติดส่อง”จนไม่หลับไม่นอน
ช่วงเวลาที่ตับทำงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือช่วง 23.00 – 01.00 น. ตับจะทำหน้าที่กำจัดสารพิษที่คุณรับเข้าไปในระหว้่างที่คุณนอน เพื่อทำให้เช้าวันใหม่ของคุณเป็นวันที่ดี แต่ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ปรับเปลี่ยนไป วิถีการนอนก็ต้องปรับตาม ไถ ไถ ไถโทรศพท์ก่อนนอน ไม่งั้นนอนไม่หลับ เหมือนขาดอะไรไป ผลจากการรวบรวมข้อมูลการศึกษาจากหลายแห่งทั่วโลก พบว่าคนที่นอนหลับไม่เพียงพอจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไขมันเกาะตับ (NAFLD) ได้ประมาณ 1.2 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่นอนหลับเพียงพอ และคนที่นอนหลับเพียงพอ 7-8 ชั่วโมง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันเกาะตับ “น้อยกว่า” คนที่นอนหลับไม่พอ (น้อยกว่า 6 ชั่วโมง) ถึงร้อยละ 15 เลยทีเดียว ดังนั้นพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อหลีกหนีโรคตับกันเถอะครับ ส่องแต่พอดี หยุดเอาใจมะเร็งตับแล้วกลับมารักตับ
“ติดเสียดาย”
คุณผู้หญิงกับความสวยงามมักเป็นของคู่กัน แต่ใครเลยจะรู้ว่า “แค่ทาลิปสติก” ก็ส่งผลต่อตับได้ไม่รู้ตัวหากคุณไม่เลือก ลิปสติกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือหมดอายุ เสี่ยงเป็นมะเร็งตับอย่างมาก เพราะเครื่องสำอางบางยี่ห้ออาจไม่ได้คุณภาพมีการปะปนของสารเคมีประเภทโลหะหนัก ปรอท สารหนู สังกะสี อะลูมิเนียม เหล็ก โครเมียม ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อตับโดยตรง เพราะตับจะต้องรับภาระหนักในการจัดการกับสารพิษที่ตกค้างยังรวมถึงสีย้อมผม น้ำยาทาเล็บ หรือสารเคมีที่นำมาใช้กับร่างกายที่ไม่ได้คุณภาพอาจเสี่ยงต่อโรคตับด้วยเช่นกัน เลือกแบบดีพอ หยุดเอาใจมะเร็งตับแล้วกลับมารักตับ