ไม่ว่าจะเรียก ตับอ้วน ไขมันพอกตับ ไขมันแทรกตับหรือ ไขมันเกาะตับ ถ้าไม่สามารถป้องกันหรือรักษาตับให้มีสุขภาพดีได้ ภัยร้ายก็จะรุกคืบคลานจนกระทั่งรู้ตัวว่าเป็นโรค ตับแข็ง และ มะเร็งตับ ก็ได้รับความเสียหายจนถึงขั้นรุนแรงแล้ว!!! มาเริ่ม สร้างสุขภาพตับให้ดีกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เรามาหาสาเหตุ ไขมันพอกตับเกิดจาก กันดีกว่า
ตับเกิดจากเซลล์เล็กๆ รวมกันมากกว่า 3 ล้านล้านเซลล์ และภายในตับเต็มไปด้วยเอมไซม์ชนิดต่างๆ มากกว่า 2,000 ชนิด ซึ่งมีน้ำหนักท้ังหมด 1.2 – 1.5 กิโลกรัม โดยธรรมชาติตับของเราจะมีสีน้ำตาลแดง
ไขมันพอกตับเกิดจาก
เซลล์ตับที่มีสภาพสมบูรณ์จะมีไขมัน 3 – 5 % แต่ถ้าไขมันมากกว่า 10% จะอยู่ในภาวะไขมันสะสมในตับหรือ“ตับอ้วน” หรือ Fatty Liver หรือที่เรียกกันว่า ไขมันพอกตับ ไขมันแทรกตับ หรือไขมันเกาะตับนั้นเอง จากสถิติทุก ๆ 10 คน จะมีคนเป็นโรคไขมันเกาะตับ ได้ถึง 4 คน โดยผู้ที่เป็นเบาหวานหรือคนอ้วน จะมีโอกาสเป็นโรคไขมันเกาะตับเพิ่มสูงขึ้น ผู้ป่วยไขมันพอกตับกว่าร้อยละ 50 ไม่แสดงอาการ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นไขมันพอกตับระยะแรก (สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) ส่วนผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง อาทิ คนอ้วน ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้มีไขมันในเลือดสูง มีภาวะไขมันพอกตับถึงร้อยละ 90 ใน จํานวนนี้ร้อยละ 20 มีอาการตับอักเสบร่วมด้วยและร้อยละ 10 กลายเป็นโรคตับแข็ง (MedicineNet)
ระยะ ไขมันพอกตับเกิดจาก ภาวะไขมันสะสมจะเริ่มกลายเป็นสีขาวเนื่องจากมีไขมันคั่งอยู่ใน ตับ! แบ่งระยะการดําเนินโรคได้เป็น 4 ระยะดังนี้
- ระยะที่1 เป็นระยะมีไขมันก่อตัวอยู่ในเนื้อตับ ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดผลใดๆ กล่าวคือไม่มีการอักเสบ หรือพังผืด เกิดขึ้นในตับ
- ระยะที่2 เป็นระยะที่เริ่มมีอาการอักเสบของตับ ในระยะนี้หากไม่ควบคุมดูแลให้ดี และปล่อยให้การอักเสบ ดําเนินไปเรื่อยๆ เกินกว่า 6 เดือน กลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง
- ระยะที่3 การอักเสบรุนแรง ก่อให้เกิดพังผืดในตับ เซลล์ตับค่อยๆ ถูกทำลายลง
- ระยะที่4 เซลล์ตับถูกทําลายไปมาก ตับไม่อาจทํางานได้ตามปกติอีกต่อไป ตับแข็ง และอาจกลายเป็นมะเร็งตับ
สรุป ไขมันพอกตับเกิดจาก
ไขมันสะสมในตับอาจทําให้ตับบาดเจ็บและเสื่อมสภาพ และอาจพัฒนาไปเป็นตับอักเสบ ตับแข็ง หรือแม้แต่มะเร็งตับได้เมื่อสูงวัยขึ้น ปัจจุบันข้อมูลยังบ่งชี้ว่าตับอักเสบ เรื้อรังจากภาวะไขมันคั่งสะสมในตับ อาจก่อให้เกิด มะเร็งตับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีตับแข็งแล้ว ตับมีหน้าที่สําคัญในการบํารุงรักษาร่างกายให้อยู่ใน สภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ ซี่งกิจวัตรประจําวันนั้น จึงส่งผลโดยตรงต่อตับทั้งพฤติกรรมการบริโภคซึ่งตับเป็นอวัยวะ ด่านแรกที่ต้องรับเคราะห์จากสารพิษ จากการรับประทาน รวมทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตจากมลภาวะต่างๆอีก มากมาย แม้ว่าโรคตับนั้นจะใช้เวลานานกว่าจะแสดงอาการ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมารู้อีกทีเมื่อเกิดความผิดปกติของร่างกาย เพราะเมื่อตับอักเสบนั้นจะไม่มีอาการใดๆ ที่จะบ่งบอกหรือ เตือนให้ผู้ป่วยรู้ตัวแต่เนิ่นๆ อาจแค่รู้สึกเหนื่อยเพลีย เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเป็นอาการที่ไม่ชัดเจนนัก ต่อเมื่อเริ่มสังเกตว่าปัสสาวะเป็นสีเข้ม ตาหรือผิวหนังออกสีเหลือง ๆ (ทางการแพทย์เรียกว่า “ดีซ่าน”) จึงมาพบแพทย์ รีบหันมาดูแลสุขภาพตับ หากไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ไขมันก็จะเข้าไปสะสมคั่งในตับ จนตับอ้วนและตับตาย เริ่มดูแลสุขภาพตับได้ง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้ ด้วยเฮฟฟีก้า เพียงวันละ 1 เม็ด นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ช่วยแก้ปัญหาสุขภาพตับได้จริง ตับดี ชีวิตก็ดี