‘การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ’ แต่เมื่อมีโรคเกิดขึ้นมา จำเป็นต้องเยียวยาร่างกาย มันก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ไหนจะยารักษาโรคประจำตัวที่ต้องกินทุกวัน ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด แก้หวัด แก้ไข้ ยาลูกกลอน ยาสมุนไพร หรือแม้แต่ ยาปฏิชีวนะ ต่างๆบางครั้งยิ่งกินนานกลับยิ่งไม่หาย ยิ่งต้องกินมากขึ้นหรือเปลี่ยนตัวยาให้แรงขึ้น นอกจากจะทำให้ร่างกายเกิดการ ดื้อยาแล้ว ยังส่งต่อระบบอื่นๆ ในร่างกายด้วย
ยาปฏิชีวนะ เป็นยาที่หาซื้อกินกันได้ง่าย โดยเฉพาะเวลาที่มีอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น เจ็บคอ เป็นหวัด หรือระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย เพราะยาปฏิชีวนะเป็นกลุ่มยาที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อที่เกิดจาก เชื้อแบคทีเรีย โดยมีกลไกในการกำจัดเชื้อโรคแตกต่างกัน มีทั้งประเภทที่ ฆ่าแบคทีเรียโดยตรง และประเภทที่ทำหน้าที่หยุดการเพิ่มจำนวนของ แบคทีเรีย ซึ่งเมื่อได้ชื่อว่าเป็นการรักษา โรคติดเชื้อ การกินยาปฏิชีวนะจึงต้องกินยาต่อเนื่องจนหมดโดส เพราะแม้อาการเจ็บป่วยไม่สบายจะเริ่มดีขึ้นแต่การติดเชื้ออาจยังมีอยู่ หากหยุดกินยาทันทีการติดเชื้ออาจเกิดขึ้นใหม่ และทำให้รักษาได้ยากลำบากขึ้น หรือที่เราเรียกว่าดื้อยานั่นเอง
นอกจากนี้ยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อนี้ยังมีผลข้างเคียงตามชื่อเลย คือไปฆ่าแบคทีเรียในลำไส้จนหมดเกลี้ยง ทั้งแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของโรค และแบคทีเรียตัวดีที่มีประโยชน์ด้วย ทำให้ลำไส้เสียสมดุล และเกิดเชื้อฉวยโอกาสขึ้นมาแทน ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ลำไส้อักเสบอย่างรุนแรง ท้องผูก ท้องเสีย เมื่อลำไส้เสียสมดุล ก็ทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายลดลงด้วย แทนที่ร่างกายจะแข็งแรงขึ้นกลับกลายเป็นสุขภาพแย่ลงเสียอีก ในทางกลับกัน หากเสริมภูมิให้ร่างกายด้วยแบคทีเรียชนิดที่ดี นอกจากจะช่วยรักษาความสมดุลของระบบโดยรวมซึ่งสามารถต้านทานโรคได้ดีกว่ายาฆ่าเชื้อแล้ว ยังปลอดภัยต่อร่างกายอีกด้วย
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องทาน ยาปฏิชีวนะเยอะอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนแบคทีเรียที่ดีในร่างกายถูกทำลายจน เสียสมดุล กลับมาเริ่มต้นการที่มีสุขภาพที่ดีได้ ด้วยการเติมแบคทีเรียที่ดีให้กับร่างกาย ด้วย โพรไบโอต้า นวัตกรรมโพรไบโอติกครอบคลุมที่สุดถึง 8 สายพันธุ์ ปริมาณสูงถึง 20,000 ล้าน CFU ผนึก3พลังจาก โพรไบโอติก พรีไบโอติก และ ไบโอเจนิก ประสิทธิภาพที่มากกว่า โพรไบโอติก แบบดั้งเดิมถึง 6 เท่า มาตรฐานระดับสากลที่ได้รับการรับรองในวงการแพทย์ เมื่อลำไส้ดี ระบบภูมิคุ้มกันที่ดีก็ตามมา